กระโหลกหรรษา
นุ่น : “ป่ะเฮาไปเล่นบักหัวกะโหลก ป่ะ ป่ะ”
แนน : “เป็นบ้าติ อี่นิ!
ไปเล่นหยังบ่เล่น
ไปเล่นหัวกะโหลกพะนะ กูย่าน”
นุ่น
: “มันบ่แม่นจั่งสั้น มันเป็นการเล่นอย่างหนึ่ง ป่ะกูสิพาไปเบิ่ง”
แนน
: “ไป๋ ไป๋ สะ”
สวัสดีค่ะท่านผู้ชมผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ก็มาเจอกันเช่นเคยกับน้องนุ่นสาวน้อยน่ารักอิอิ น้องนุ่นจะพาผู้ชมทุกท่านไปค้นฟ้าคว้าดาว เอ้ยๆ
ค้นหาการละเล่นที่จะทำให้ท่านผู้ชมผู้อ่านทุกท่านต้องตลึงจนตาค้างกับการละเล่นอีสานที่แสนจะสร้างความสุขให้กับเด็กๆชาวอีสานหรือว่าผู้ชมผู้อ่านทุกท่าน วันนี้น้องนุ่นสาวน้อยน่ารักก็จะพาทุกท่านมารู้จักกับการละเล่นที่เรียกว่า “หมากหัวกะโหลก”
ไม่ใช่เอาหัวกะโหลกของคนมาเล่นเหมือนแนนเพื่อนนุ่นพูดนะคะท่านผู้ชม
งั้นเรามารู้จักหมากหัวกระโหลกกันเลยดีกว่านะคะว่ามีวิธีการละเล่นอย่างไร เรามาดูกันเล๊ย….
อุปกรณ์
ก้อนหิน หรือกระเบื้อง
จำนวนผู้เล่น ๔ คนขึ้นไป
วิธีการเล่น
อันดับแรกเราต้องขีดช่องสำหรับกระโดดเป็น
6 ช่อง ขนาดโตพอที่จะกระโดดเข้าไปยืนได้
แล้วแบ่งครึ่งช่องที่ 3 ที่ 5
สำหรับที่พัก และกลับหลังหัน จึงมีช่องทั้งหมด 8 ช่อง แล้วเขียนหัวกระโหลกเล็ก ๆ ในช่องบนสุด ใช้อะไรเป็นเบี้ยก็ได้
แต่ควรเป็นของที่มีน้ำหนัก ถ้าใครโยนเข้าหัวกระโหลกที่เล็ก ๆ นั้น ก็จะได้เล่นก่อน
โยนเบี้ยลงช่องที่ 1 แล้วกระโดดขาเดียวข้ามช่องที่ 1 เข้าไปยังช่องที่ 2 แล้วกระโดด 2 ขา เข้าไปในช่องที่ 3 และ 4
ให้เท้าข้างหนึ่งอยู่ช่องที่ 3 อีกข้างหนึ่งอยู่ที่ช่องที่ 4 จากนั้นกระโดดขาเดียว ต่อไปยังช่องที่ 5 และ 2 ขา ที่ช่องที่ 6 และ 7
ตามลำดับ กระโดดตัวกลับ หันหน้ากลับมาทางเดิม กระโดดขาเดียวมายังช่องที่ 5 สองขาที่ช่องที่ 3 และ 4
ขาเดียวที่ช่องที่ 2 และช่องที่ 1
พร้อมกับก้มลงเก็บเบี้ยที่ช่องที่ ๑ จากนั้นก็กระโดดออกมา “มีแค่นี้หรอนุ่น” “ยังๆยังมีต่ออีก”
ถ้าเกิดเล่นช่องที่
1 แล้วก็เล่นช่องที่ 2
โดยโยนเบี้ยให้อยู่ในช่องที่ 2
แล้วกระโดดขาเดียวไปยังช่องที่ ๑ ข้ามช่องที่ ๒ ไปยืน ๒ ขาที่ช่องที่ 3 และ 4 กระโดดไปยืนขาเดียวที่ช่องที่ 5 และ 2 ขา ที่ช่องที่ 6 และ 7 แล้วหันตัวกลับทำอย่างเดียวกับตาแรก คือ
ต้องกระโดดกลับมาเก็บเบี้ยแล้วจึงกระโดดออกไป ถ้าเกิดเล่นถึงช่องหัวกระโหลกบนสุด
ให้กระโดดกลับตัวในช่องที่ 6 และ 7
แล้วก้มลงใช้มือลอดระหว่างขา เก็บเบี้ยในช่องกระโหลก เมื่อเก็บได้จึงกระโดดออกมาอย่างเดิม
หากว่าเล่นทุกช่องหมดแล้วจะได้บ้าน 1 หลัง จึงขีดกากบาทไว้
นุ่นก็ได้เล่าเรื่องหมากหัวกะโหลกให้ท่านผู้ชมผู้ท่านทุกท่านได้ฟังกันแล้วน๊าๆๆ แต่ดูเหมือนว่ามีบางคนที่ยังสงสัยอยู่นะนุ่นต้องขอดูก่อน ไม่มีนะ
ท่านผู้ชมผู้อ่านก็เงียบกริบเลยไม่เห็นพูดอะไรนะ แฮร่ๆ
ท่านผู้ชมจะว่าได้ไงเราเป็นผู้ให้ความรู้ในเรื่องนี้ แล้วท่านผู้ชมก็ไม่ได้อยู่ในนี้ด้วย ไปไกลแล้วเรา
กลับมากลับมา มองดูอีกทีว่าใครสงสัยกันแน่ อ๋อ!
รู้แล้วค่ะท่านผู้ชมคนที่สงสัยไม่ใช่ใครอื่นคือเพื่อนแนนของนุ่นนี้เองค่ะ
นุ่น
: “แนนๆ ทำไมทำหน้าจั่งสั้น มึงบ่เข้าใจหม่องได่กะบอกมาแม๋ เบิ่งหน้าตาคือขี่คันคากสิกินแมลงไม้นิล่ะ แนน : “นุ่น มึงนิกะเว้าให้กูคือคัก กูกะแค่สงสัยว่าเรื่องมันจบแค่นี้ติ มันบ่มีประโยชน์ให้ท่านผู้ชมได้ฮู้ตี้ว่าเล่นแล้วมันได้อีหยัง
นุ่น
: “เอ้อๆ
แม่นๆกูลืม
มันต้องมีประโยชน์ตั่วเนาะ
ว่าแต่เรื่องหมากหัวกระโหลกมึงคือพาเว้าภาษาอีสานแต่ต้นจนจบเรื่องเลยเนาะ ป่ะสั้นไปรู้ถึงประโยชน์กันเล๊ย….”
- เสริมสร้างพลานามัยให้สมบูรณ์ เสริมสร้างทักษะต่าง
ๆ ให้เจริญ เช่น ทักษะในการใช้สายตาสังเกต ทักษะในการเคลื่อนไหวอวัยวะ
- ส่งเสริมความเจริญทางสติปัญญา เช่น ฝึกให้ใช้ความคิด ฝึกให้มีไหวพริบ
ฝึกการคาดคะเนด้านสังคม
- การละเล่นของเด็กไทยสะท้อนภาพของสังคมไทยในด้านต่าง
ๆ เช่น สภาพความเป็นอยู่ อาชีพ เป็นต้น
- การละเล่นช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพและทางจิตใจ
ฝึกให้เป็นผู้ที่มีระบบระเบียบวินัย และความรับผิดชอบ มีความสามัคคีในหมู่คณะ
เมื่อเติบโตขึ้นเด็ก ๆ
เหล่านี้ก็จะมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นกำลังของชาติอันเป็นคุณค่าทางสังคมอันพึงปรารถนา
โอ้โอ๋!!!! การเล่นเป็นส่วนสำคัญของชีวิตเด็กจริงๆค่ะท่านผู้ชม มีคุณค่าต่อการพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกาย
อารมณ์ สังคมและสติปัญญา การเล่นทำให้เด็กเรียนรู้ การรู้จักดัดแปลง การเล่นจะช่วยให้เด็กฝึกจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์เด็กจะสร้างภาพพจน์
และเรื่องราวต่าง ๆ จากการเล่นวัสดุ สิ่งของ จะเห็นได้ว่าการเล่นหมากหัวกระโหลกมีความสำคัญมากต่อชีวิตในวัยเด็ก
จะส่งผลให้เด็กมีความเจริญงอกงามและพัฒนาการครบทุกด้าน
ครบเครื่องครบรสจริงๆเลยค่ะท่านผู้ชมผู้ฟังทุกท่าน ก่อนจะจากการละเล่นหมากกะโหลก นุ่นและแนนอยากบอกท่านผู้ชมทุกท่านว่า
“การเล่นหมากกระโลกไม่ได้ทำให้เกิดความสนุกสนานหรือทำให้อารมณ์เบิกบานเท่านั้น
แต่การเล่นหมากกระโหลกมีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ในด้านต่างๆอย่างมากมาย ดังนั้น
การเล่นจึงมีส่วนสำคัญในการพัฒนาศักยภาพทางด้านสติปัญญาของเด็ก ๆ ด้วยค่ะ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น