วันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เซิบๆหมาคาบเกิบเข้าป่าบักนัด


“เซิบๆหมาคาบเกิบเข้าป่าบักนัด  หมาคาบเกิบเข้าป่าบักนัด  หมาคาบเกิบเข้าป่าบักนัด”
                สวัสดีคับท่านผู้ชมผู้อ่านทุกท่านเรามาพบกับรายการ  “เซิบๆหมาคาบเกิบเข้าป่าบักนัด  หมาคาบเกิบเข้าป่าบักนัด  หมาคาบเกิบเข้าป่าบักนัด เอ้ย  ไม่ใช่ครับท่านผู้ชม  วันนี้ก็มาพบกับการนัทเองครับ  เป็นอย่างไรบ้างครับกับของเล่นหลายชิ้นที่ท่านผู้ชมผู้อ่านทุกท่านได้รู้จักกันมาแล้ว  ในวันนี้นัทก็จะพาท่านผู้ชมไปตามหาการละเล่นหรือที่ชาวอีสานเรียกกันคับว่า  “ของเล่น”  ว่าของเล่นที่นัทจะพาไปรู้จักเป็นการละเล่นเรื่องอะไรกันนะ  ว่าแต่ว่าท่านผู้ชมได้ยินเหมือนนัทไหมครับว่ามีเสียงใครร้องเพลงจนทำให้นัทต้องร้องตามในการสวัสดีท่านผู้ชมตอนแรก  เสียงนี้คุ้นมากเหมือนเสียงปู่ของนัทเลย  แต่ปู่ร้องเพลงนี้ทำไมนะ  นัทไม่เคยได้ยินเลย  ท่านผู้ชมเคยได้ยินเพลงนี้ที่ปู่ของนัทร้องไหมค่ะ  ถ้าคุณผู้ชมยังไม่เคยได้ยินเหมือนนัทงั้นเราเข้าไปถามปู่กันเลยครับบ
                นัท : “ปู่ครับๆๆๆๆๆ  ปู่ร้องเพลงอะไรครับ  นัทชอบครับปู่เมื่อกี้นัทได้ยินเสียงปู่ร้องนัทยังร้องตามเลยปู่  มันเป็นเพลงอะไรหรอครับปู่  นัทอยากรู้”
                ปู่ : “ช่างน่ารักจริงๆเลยนะหลานปู่  ไม่รู้เรื่องอะไรก็รู้จักถามปู่  ไม่ปล่อยให้มันค้างคาใจอยู่อย่างนั้น  คืออย่างนี้หลานเพลงที่ปู่ร้องเป็นเพลงกระโดดเชือกชนิดหนึ่งน่ะหลาน”
                นัท : “เป็นการละเล่นประเภทอะไรหรอครับปู่  วันนี้นัทอยากรู้เรื่องของเล่นหรือการล่ะเล่นอยู่พอดีครับปู่  อยากจะเล่าให้ท่านผู้ชมผู้อ่านด้วยครับ”
                ปู่ : “ใช่จ๊ะหลาน  มันเป็นการละเล่นชนิดหนึ่งที่เขาเรียกว่า  หมาคาบเกิบ  เดี๋ยวปู่จะเล่าให้หลานฟังนะ”
                เซิบๆหมาคาบเกิบเข้าป่าบักนัด  หมาคาบเกิบเข้าป่าบักนัด  หมาคาบเกิบเข้าป่าบักนัด    เย้!! ดีใจจังคับท่านผู้ชม  ไม่คิดว่าจากเพลงที่ได้ยินจะนำพานัทและทุกท่านได้มารู้จักกับการละเล่นอีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่า  “หมาคาบเกิบ” เป็นการละเล่นอย่างไรนั้นเรามารู้จักกันเลย
                การละเล่นหมาคาบเกิบเป็นการละเล่นของเด็กภาคอีสานผู้คนอีสานจะรู้จักกันเป็นอย่างดีโดยเฉพาะคนรุ่นเก่าอย่างปู่  เด็กในสมัยปัจจุบันจะไม่ค่อยรู้จักการละเล่นนี้ จะรู้จักแต่คนที่มีอายุประมาณ 30 ปี  ขึ้นไป  และคนในภาคอื่นก็แทบจะไม่รู้จักการละเล่นนี้เลย  คำว่า  หมาคาบเกิบ  เป็นการเรียกชื่อแทนเชือกโดยสมมุติให้เชือกเป็นหมา  เกิบหรือรองเท้าก็จะติดอยู่ในนั้นเป็นการเรียกชื่อของการละเล่นนี้  การละเล่นนี้เป็นการละเล่นที่เรียบง่ายแต่สร้างความอัศจรรย์ให้กับเด็กๆภาคอีสานเป็นอย่างมาก  เพราะทำให้ด็กได้มีความสุข  ให้เด็กได้ออกกำลังกาย  ให้ได้รู้จักเพื่อน  ให้มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อเพื่อน  และยังช่วยให้เด็กมีไหวพริบในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี  สำหรับการละเล่นหมาคาบเกิบก็จะมีอุปกรณ์ในการเล่นและ  วิธีในการเล่นดังนี้
อุปกรณ์
                เชือก  ใช้ร้อยเข้ากับเกิบหรือรองเท้า  เพื่อสมมุติเป็นหมาคาบเกิบ
                เกิบหรือรองเท้า  เป็นร้องเท้าที่โดนหมาคาบไว้
จำนวนผู้เล่น  ตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปสามารถเล่นได้
วิธีการเล่น
                เด็กจะต้องเป่ายิงฉุบหรือโอน้อยออกกันก่อนว่าใครจะเป็นผู้เล่นก่อน  เมื่อได้ผู้เล่นคนแรกแล้วก็ทำการเล่น  โดยที่ผู้เล่นอีก 2 คน จะต้องเป็นคยจับเชือกเพื่อแกว่งไปแกว่งมาให้ผู้ชนะเล่นก่อน  ในขณะที่ผู้เล่นทั้ง 2 คนแกว่งเชือกและร้องเพลงว่า  เซิบๆหมาคาบเกิบเข้าป่าบักนัด  หมาคาบเกิบเข้าป่าบักนัด  หมาคาบเกิบเข้าป่าบักนัด”  ขั้นแรกคือขั้นต่ำสุดคือ ขั้นข้อเท้า  ให้ผู้เล่นกระโดดข้ามเชือกและรองเท้านั้นไปมา 4 ครั้ง  โดยที่ไม่ให้ส่วนใดของร่างกายของตัวผู้เล่นโดนเชือกหรือรองเท้า  เมื่อครบ 4 ครั้งผู้เล่นก็จะวิ่งหนีหมาหรือรองเท้าอย่างเร็ว  เมื่อผู้เล่นสามารถเล่นผ่านขั้นแรกไปได้ก็สามารถเล่นขั้นที่สอง  ขั้นที่สาม  และขั้นที่สี่ได้เร่อยๆจนจบการเล่นที่สูงสุด  แต่เมื่อในขั้นที่สูงขึ้นในช่วงระดับเอวก็จะสามารถให้ร่างกายผู้เล่นโดนเชือกหรือรองเท้าได้  แต่ถ้าร่างกายผู้เล่นโดนเชือกหรือรองเท้านั้นตั้งแต่เริ่มแรกก็จะถือว่าผู้เล่นนั้นตาย  แล้วให้ผู้เล่นคนอื่นเล่นต่อ เป็นการเล่นต่อไปจนจบเกมการเล่น
                สวัสดีคับก็มาเจอกับนัทในช่วงท้ายของการละเล่นภาคที่สานที่นัทพามารู้จักกันแล้วนะครับ  ท่านผู้ชมผู้อ่านทุกท่านก็ได้รู้จักกับการละเล่นที่เรียกว่า  “หมาคาบเกิบ”  กันไปแล้วนะครับว่ามีอุปกรณ์  วิธีการละเล่นอย่างไร  ต่อไปนัทก็จะพาไปรู้จักกับประโยชน์ของการเล่นหมาคาบเกิบกันเลยครับ
                - เสริมสร้างพลานามัยให้สมบูรณ์  เสริมสร้างทักษะต่าง ๆ ให้เจริญ เช่น ทักษะในการใช้สายตาสังเกต ทักษะในการเคลื่อนไหวอวัยวะ
                - ส่งเสริมความเจริญทางสติปัญญา เช่น ฝึกให้ใช้ความคิด ฝึกให้มีไหวพริบ ฝึกการคาดคะเนด้านสังคม 
                -การละเล่นของเด็กไทยสะท้อนภาพของสังคมไทยในด้านต่าง ๆ เช่น สภาพความเป็นอยู่ อาชีพ เป็นต้น 
                - การละเล่นช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพและทางจิตใจ ฝึกให้เป็นผู้ที่มีระบบระเบียบวินัย และความรับผิดชอบ มีความสามัคคีในหมู่คณะ เมื่อเติบโตขึ้นเด็ก ๆ เหล่านี้ก็จะมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นกำลังของชาติอันเป็นคุณค่าทางสังคมอันพึงปรารถนา
                ทุกท่านก็รู้ถึงประโยชน์ของการเล่นหมาคาบเกิบกันแล้ว  ในวันนี้น้องนัท  ปู่  แม่  นุ่น  แนน  และนนท์  ก็ได้พาทุกท่านได้มารู้จักกับการละเล่นของเด็กอีสานในปัจจุบันที่ยังคงเหลืออยู่และในอดีตที่ใครๆอาจไม่รู้จัก  เช่น  การละเล่นม้าก้านกล้วย  หมากตีขนไก่  หมากหัวกะโหลก  หมากเก็บ  ขาโถกเถก  เล่นเฮือนน้อย  ดีดในอีขาม  กระโดดยาง  บั้งโป๊ะ  ไข่ตำกัน  และหมาคาบเกิบ   จากผู้รู้และมีประสบการณ์ในการละเล่นแต่ละประเภท  จากน้องนัท  ปู่  แม่  นุ่น  แนน  และนนท์  โดยมีผู้ดำเนินเรื่อง  นัทกับนุ่นครับ  สำหรับวันนี้นัทกับทุกคนก็ขอกล่าวคำว่าสวัสดีครับ  ไว้เจอกันใหม่โอกาสหน้านะครับบบบ

               




กลิ่งขุ่นลุ่นๆขุ่นลุ่นๆแตกปั่ว


“กลิ่งขุ่นลุ่นๆขุ่นลุ่นๆแตกปั่ว”
                สวัสดีค่ะวันนี้ก็มาเจอกันอีกแล้วนะคะกันน้องนุ่นเด็กหญิงน่ารักสุดสวยแสนดีมากๆค่ะ อุ้ยพอล่ะเดี๋ยวท่านผู้ชมผู้อ่านจะแตกตื่นกันหมด  วันนี้ก็มาเจอกับนุ่นกันอีกแล้ว  นุ่นจะพาท่านผู้ชมไปรู้จักับการล่ะเล่นเช่นเคยคร้า  ว่าแต่การละเล่นในครั้งนี้จะเป็นอะไรกันนะท่านผู้ชม  เฉลย......  การละเล่นในวันนี้นุ่นจะพาไปรู้จักกับการละเล่นที่มีชื่อว่า “ไข่ตำกัน”  เป็นไงกันบ้างคะท่านผู้ชม  มีใครรู้จักการละเล่นนี้บ้าง  เป็นการละเล่นแบบไหนต้องเอาไข่ไก่มาชนกันแล้วก็แตกใช่ไหมคะท่านผู้ชม  ท่านผู้ชมรู้กันหรือเปล่าคะ  ถาท่านผู้ชมไม่รู้และนุ่นเองก็ไม่รู้ว่าการละเล่นไข่ตำกันเป็นการละเล่นแบบไหน  งั้นนุ่นจะพาท่านผู้ชมไปรู้จักกับการละเล่นไข่ตำกันจากผู้มีประสบการณ์อย่างแม่ของนัทกันค่ะ  ตามนุ่นมากันเลยนะคะ  มาเล๊ย…..
                นุ่น : “สวัสดีค่ะแม่วันนี้นุ่นพาท่านผู้ชมผู้อ่านทุกท่านมารู้จักกับการละเล่นประเภทไข่กันค่ะ ที่เขาเรียกว่า  ไขตำกัน  แต่ไม่รู้ว่าเป็นการละเล่นแบบไหนต้องเอาไข่ไก่มาชนกันแล้วก็แตกใช่ไหมคะแม่  นุ่นและท่านผู้ชมอยากรู้มากๆเลยค่ะ  แม่ช่วยเล่าให้นุ่นฟังหน่อยค่ะ”
                แม่ : “ได้จ้า  เดี๋ยวแม่จะเล่าให้ฟัง”
                การละเล่นไข่ตำกันหรือไข่ชนกันมันไม่ใช่เอาไข่ไก่มาชนกันแล้วก็แตกอย่างที่นุ่นและท่านผู้ชมคิดนะลูก  มันเป็นการละเล่นที่นำดินมาปั้นเป็นรูปไข่อาจจะเป็นการนำดินที่มีสีดำ  ดินเหนียวดินทรายผสมบ้างแล้วนำมาผสมกับน้ำนิดหน่อยเพื่อให้ดินจับตัวกันได้ง่ายและเพื่อให้ไข่ที่เราปั้นจากดินเป็นรูปทรงที่สวยงามและมีขนาดเท่ากันกับร่องที่เราทำไว้ในการเล่น  เมื่อเราปั้นดินเป็นรูปไข่เสร็จแล้วก็นำไข่ที่เราปั้นไปตากแดดประมาณ 20-30  นาที  เพื่อให้ดินที่เราปั้นเป็นรูปไข่นั้นจับตัวกันและมีความเหนียวและแข็งแรง  เมื่อนำไปเล่นในร่องก็จะไม่ทำให้ไข่ที่ตนปั้นนั้นแตกกลางทางก่อนที่จะไปถึงไข่ของเพื่อนที่ว่างไว้ด้านล่าง  รอให้ไข่ของเราไปชนไข่ของเพื่อนให้แตก  แต่ถ้าไข่ของเราแตกกลางทางก่อนที่จะไปถึงเพื่อน  เราก็ต้องนำไข่ที่เราปั้นใบใหม่เพื่อให้ไปชนกับไข่ของเพื่อนให้ได้ถึงแม้ไข่ของเราไปชนเพื่อนแล้วแต่ไข่ของเพื่อนไม่แตกก็ไม่เป็นไรก็ถือว่าเราได้ชนไข่เพื่อนแล้วและไม่ได้นำไข่ใบใหม่มาชนอีกนอกจากจะเริ่มตาใหม่หลังจากเพื่อนต้องนำไข่มาชนกับ  เมื่อเราชนไข่เพื่อนถึงจะแตกไม่แตกก็ต้องให้เพื่อนมาเล่นแทนเราแล้วเราก็นำไข่ของตนไปวางไว้ที่ร่องที่สิ้นสุดของการกลิ่งหรือแล่นลงมาของไข่ 
                ในการเล่นในครั้งนี้ผู้เล่นจะต้องปั้นไข่ไว้ให้มากๆเพราะเมื่อไข่ของเราไม่แข็งรงพอก็จะต้องไปแตกกลางทาง  จะต้องได้เอาไข่ใบใหม่มากลิ่งลงไปข้างล่างเพื่อให้ชนของเพื่อนให้ได้  แต่ถ้าไข่ใบที่สองที่เรากลิ่งลงไปแล้วไปแตกกลางทางก่อนที่จะไปถึงของเพื่อนเราก็ต้องนำไข่ใบใหม่มาเล่นอีกจึงจำเป็นต้องปั้นไข่ไว้ให้มากๆ  และในการละเล่นไข่ตำกันหรือไข่ชนกันจะต้องเล่นที่ลานดินที่มีความลาดชันที่เหมาะสมไม่ชันจนเกินไป  และพื้นดินไม่เรียบจนเกินไปถึงจะเล่นได้อย่างมีความสุข
                นุ่น : “ว๊าวๆๆ  แม่ค่ะแค่ไข่ที่ปั้นจากดินก็เป็นการละเล่นได้แล้ว  แถมยังสามารถทำให้เกิดความสนุกสนานอีกด้วยค่ะ  นุ่นจะจำไว้ค่ะแม่”
                แม่ : “นุ่น  นุ่นรู้ไม่ลูกมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ลูกนุ่นยังไม่รู้  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการละเล่นต่างๆที่นุ่นอยากรู้ หรือได้รู้มาแล้ว  แต่มีเรื่องการทำมาหากิน  การจักรสานจากปู่  การทำที่อยู่อาศัย  ที่ลุกนุ่นยังไม่รู้  แต่ไม่เป็นไรวันหลังถ้านุ่นอยากรู้หรือมีเวลาว่างก็มาหาแม่ก็ได้นะ  แม่จะเล่าให้ฟัง”
                นุ่น : “ได้ค่ะแม่  นุ่นจะหาเวลาว่างหมาหาแม่ให้ได้ค่ะ”

                จ๊ะเอ๋  แฮร่ๆ มาพบกับนุ่นในช่วงท้ายแล้วนะคะ  ความรู้ที่ได้รับจากแม่มากมายเลยทั้งเรื่องการละเล่นไข่ตำกันหรือไข่ชนกันแล้ว  ยังรู้ว่าในภาคอีสานของเรานั้นยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่นุ่นและใครหลายๆคนยังไม่รู้  นุ่นสัญญากับแม่นัทแล้วว่าจะหาเวลาว่างไปให้ได้  ท่านผู้ชนผู้อ่านทุกท่านก็เหมือนกันนะคะ  ถ้าอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับอดีตหรือสิ่งที่เรารู้แต่เรารู้ไม่หมดก้ให้เขาไปถามคนแก่เฒ่าที่ท่านมีประสบการณ์หรือความรู้เรื่องนั้นๆนะคะ  อย่าปล่อยให้ต้องสงสัยอยู่อีกเลย  วันนี้ก็ดำเนินมาท้ายเรื่องแล้ว  นุ่นก็ขอกล่าวคำว่าสวัสดีค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2560

กระโหลกหรรษา



                นุ่น : “ป่ะเฮาไปเล่นบักหัวกะโหลก ป่ะ ป่ะ”
                แนน : “เป็นบ้าติ อี่นิ!  ไปเล่นหยังบ่เล่น  ไปเล่นหัวกะโหลกพะนะ  กูย่าน”
                นุ่น : “มันบ่แม่นจั่งสั้น มันเป็นการเล่นอย่างหนึ่ง  ป่ะกูสิพาไปเบิ่ง”
                แนน : “ไป๋ ไป๋ สะ”
                สวัสดีค่ะท่านผู้ชมผู้อ่านทุกท่าน  วันนี้ก็มาเจอกันเช่นเคยกับน้องนุ่นสาวน้อยน่ารักอิอิ  น้องนุ่นจะพาผู้ชมทุกท่านไปค้นฟ้าคว้าดาว  เอ้ยๆ ค้นหาการละเล่นที่จะทำให้ท่านผู้ชมผู้อ่านทุกท่านต้องตลึงจนตาค้างกับการละเล่นอีสานที่แสนจะสร้างความสุขให้กับเด็กๆชาวอีสานหรือว่าผู้ชมผู้อ่านทุกท่าน  วันนี้น้องนุ่นสาวน้อยน่ารักก็จะพาทุกท่านมารู้จักกับการละเล่นที่เรียกว่า  “หมากหัวกะโหลก”  ไม่ใช่เอาหัวกะโหลกของคนมาเล่นเหมือนแนนเพื่อนนุ่นพูดนะคะท่านผู้ชม   งั้นเรามารู้จักหมากหัวกระโหลกกันเลยดีกว่านะคะว่ามีวิธีการละเล่นอย่างไร  เรามาดูกันเล๊ย….
อุปกรณ์
                ก้อนหิน หรือกระเบื้อง  
                จำนวนผู้เล่น  ๔ คนขึ้นไป
 วิธีการเล่น
                อันดับแรกเราต้องขีดช่องสำหรับกระโดดเป็น  6  ช่อง ขนาดโตพอที่จะกระโดดเข้าไปยืนได้ แล้วแบ่งครึ่งช่องที่  ที่ 5 สำหรับที่พัก และกลับหลังหัน จึงมีช่องทั้งหมด  8  ช่อง แล้วเขียนหัวกระโหลกเล็ก ๆ ในช่องบนสุด  ใช้อะไรเป็นเบี้ยก็ได้ แต่ควรเป็นของที่มีน้ำหนัก ถ้าใครโยนเข้าหัวกระโหลกที่เล็ก ๆ นั้น ก็จะได้เล่นก่อน โยนเบี้ยลงช่องที่ 1 แล้วกระโดดขาเดียวข้ามช่องที่ 1 เข้าไปยังช่องที่ 2 แล้วกระโดด 2 ขา เข้าไปในช่องที่ 3 และ 4 ให้เท้าข้างหนึ่งอยู่ช่องที่ 3 อีกข้างหนึ่งอยู่ที่ช่องที่ 4 จากนั้นกระโดดขาเดียว ต่อไปยังช่องที่ 5 และ 2 ขา ที่ช่องที่ 6 และ 7 ตามลำดับ กระโดดตัวกลับ หันหน้ากลับมาทางเดิม กระโดดขาเดียวมายังช่องที่ 5 สองขาที่ช่องที่ 3 และ 4 ขาเดียวที่ช่องที่ 2 และช่องที่ 1 พร้อมกับก้มลงเก็บเบี้ยที่ช่องที่ ๑ จากนั้นก็กระโดดออกมา  “มีแค่นี้หรอนุ่น”  “ยังๆยังมีต่ออีก”
               ถ้าเกิดเล่นช่องที่ 1 แล้วก็เล่นช่องที่ 2 โดยโยนเบี้ยให้อยู่ในช่องที่ 2 แล้วกระโดดขาเดียวไปยังช่องที่ ๑ ข้ามช่องที่ ๒ ไปยืน ๒ ขาที่ช่องที่ 3 และ 4 กระโดดไปยืนขาเดียวที่ช่องที่ 5 และ 2 ขา ที่ช่องที่ 6 และ 7 แล้วหันตัวกลับทำอย่างเดียวกับตาแรก คือ ต้องกระโดดกลับมาเก็บเบี้ยแล้วจึงกระโดดออกไป ถ้าเกิดเล่นถึงช่องหัวกระโหลกบนสุด ให้กระโดดกลับตัวในช่องที่ 6 และ 7 แล้วก้มลงใช้มือลอดระหว่างขา เก็บเบี้ยในช่องกระโหลก เมื่อเก็บได้จึงกระโดดออกมาอย่างเดิม หากว่าเล่นทุกช่องหมดแล้วจะได้บ้าน 1 หลัง จึงขีดกากบาทไว้   
                นุ่นก็ได้เล่าเรื่องหมากหัวกะโหลกให้ท่านผู้ชมผู้ท่านทุกท่านได้ฟังกันแล้วน๊าๆๆ  แต่ดูเหมือนว่ามีบางคนที่ยังสงสัยอยู่นะนุ่นต้องขอดูก่อน  ไม่มีนะ  ท่านผู้ชมผู้อ่านก็เงียบกริบเลยไม่เห็นพูดอะไรนะ แฮร่ๆ  ท่านผู้ชมจะว่าได้ไงเราเป็นผู้ให้ความรู้ในเรื่องนี้ แล้วท่านผู้ชมก็ไม่ได้อยู่ในนี้ด้วย  ไปไกลแล้วเรา  กลับมากลับมา มองดูอีกทีว่าใครสงสัยกันแน่  อ๋อรู้แล้วค่ะท่านผู้ชมคนที่สงสัยไม่ใช่ใครอื่นคือเพื่อนแนนของนุ่นนี้เองค่ะ
                นุ่น : “แนนๆ ทำไมทำหน้าจั่งสั้น  มึงบ่เข้าใจหม่องได่กะบอกมาแม๋   เบิ่งหน้าตาคือขี่คันคากสิกินแมลงไม้นิล่ะ      แนน : “นุ่น  มึงนิกะเว้าให้กูคือคัก  กูกะแค่สงสัยว่าเรื่องมันจบแค่นี้ติ  มันบ่มีประโยชน์ให้ท่านผู้ชมได้ฮู้ตี้ว่าเล่นแล้วมันได้อีหยัง
                นุ่น : “เอ้อๆ  แม่นๆกูลืม  มันต้องมีประโยชน์ตั่วเนาะ  ว่าแต่เรื่องหมากหัวกระโหลกมึงคือพาเว้าภาษาอีสานแต่ต้นจนจบเรื่องเลยเนาะ  ป่ะสั้นไปรู้ถึงประโยชน์กันเล๊ย….
                -    เสริมสร้างพลานามัยให้สมบูรณ์  เสริมสร้างทักษะต่าง ๆ ให้เจริญ เช่น ทักษะในการใช้สายตาสังเกต ทักษะในการเคลื่อนไหวอวัยวะ
                -    ส่งเสริมความเจริญทางสติปัญญา เช่น ฝึกให้ใช้ความคิด ฝึกให้มีไหวพริบ ฝึกการคาดคะเนด้านสังคม 
                -    การละเล่นของเด็กไทยสะท้อนภาพของสังคมไทยในด้านต่าง ๆ เช่น สภาพความเป็นอยู่ อาชีพ เป็นต้น 
                -    การละเล่นช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพและทางจิตใจ ฝึกให้เป็นผู้ที่มีระบบระเบียบวินัย และความรับผิดชอบ มีความสามัคคีในหมู่คณะ เมื่อเติบโตขึ้นเด็ก ๆ เหล่านี้ก็จะมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นกำลังของชาติอันเป็นคุณค่าทางสังคมอันพึงปรารถนา
                โอ้โอ๋!!!!  การเล่นเป็นส่วนสำคัญของชีวิตเด็กจริงๆค่ะท่านผู้ชม  มีคุณค่าต่อการพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา การเล่นทำให้เด็กเรียนรู้ การรู้จักดัดแปลง  การเล่นจะช่วยให้เด็กฝึกจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์เด็กจะสร้างภาพพจน์ และเรื่องราวต่าง ๆ จากการเล่นวัสดุ สิ่งของ จะเห็นได้ว่าการเล่นหมากหัวกระโหลกมีความสำคัญมากต่อชีวิตในวัยเด็ก จะส่งผลให้เด็กมีความเจริญงอกงามและพัฒนาการครบทุกด้าน  ครบเครื่องครบรสจริงๆเลยค่ะท่านผู้ชมผู้ฟังทุกท่าน  ก่อนจะจากการละเล่นหมากกะโหลก  นุ่นและแนนอยากบอกท่านผู้ชมทุกท่านว่า
                “การเล่นหมากกระโลกไม่ได้ทำให้เกิดความสนุกสนานหรือทำให้อารมณ์เบิกบานเท่านั้น แต่การเล่นหมากกระโหลกมีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ในด้านต่างๆอย่างมากมาย ดังนั้น การเล่นจึงมีส่วนสำคัญในการพัฒนาศักยภาพทางด้านสติปัญญาของเด็ก ๆ ด้วยค่ะ”

                

วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2560


บั้งโป๊ะที่ใครๆอาจลืม




“น้อยๆ  หยิงเสียงดังโป๊ะๆๆๆ   ถืกไผ่แล้วกะเจ็บบ่แพ้ปืนเด้อสิบอกไห่”


                สวัสดีครับท่านผู้ชมทุกท่านวันนี้ก็มาพบกับน้องนัทเด็กน้อยผู้น่าจากบ้านน้ำเกลี้ยงเช่นเคยครับ  กับรายการมหัศจรรย์ของเล่นมหาสนุกจากแดนอีส๊านอีสาน  ผ่านกันมาแล้วนะครับกับหลากหลายของเล่นที่ติดตาติดใจท่านผู้ชมทุกท่าน  แต่วันนี้น้องนัทก็จะหยิบยกของเล่นมาอีกหนึ่งประเภทเช่นเคยครับบบ  อยากรู้กันไหมล่ะครับว่าเป็นของเล่นอะไร  เฉลย…..   นั้นก็คือ  “บั้งโป๊ะ”  ครับ  แต่เอ๊ะทุกท่านคงสงสัยใช่ไหมคะว่า  “บั้งโป๊ะ”  คืออะไร  ทำมาจากอะไร  ทำไมถึงเรียกว่า บั้งโป๊ะ  งั้นเราไปดูกันเลยครับ

                บั้งโป๊ะ  คือ  การละเล่นอีสานที่ใครหลายคนอาจไม่รู้จัก หรือเด็กในปัจจุบันไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร  เป็นของเล่นชนิดไหน มีวิธีทำและวิธีการล่ะเล่นอย่างไร แต่นัทชอบเล่นมากเลยครับ เวลาเล่นยิงปืนกันกับเพื่อนๆก็จะไปทำบั้งโป๊ะขึ้นมา  เป็นการนำบั้งโป๊ะมาใช้แทนปืนจริงและปืนพลาสติก เป็นการละเล่นของเด็กอีสานอย่างนัทได้สนุกสนานกันกับเพื่อนๆ  นัทจึงขอเชิญท่านผู้ชมทุกท่านไปรู้จักกับบั้งโป๊ะ  ซึ่งนัทเชื่อว่าท่านผู้ชมทุกท่านคงจะชอบของเล่นชิ้นนี้ไม่น้อยเหมือนกับนัทนะครับบบ  แต่ก่อนอื่นนัทอยากบอกให้ท่านผู้ชมรู้ว่าการละเล่นบั้งโป๊ะถึงจะเป็นการละเล่นที่ไม่ใช่ปืนจริงแต่ก็สามารถก่อให้เกิดอัตรายได้นะครับ  ผู้เล่นควรระมัดระวังในการเล่น  โดยเฉพาะถ้ากระสุนที่ยิงไปนั้นไปถูกตาเพื่อนหรือตาผู้เล่นอีกฝ่ายก็อาจจะทำให้ตาบอดได้นะครับ  ฉะนั้นควรเล่นอย่างระมัดระวัง

                ชื่อของมันนัทเข้าใจว่า มาจากเสียงที่ดัง "โพล๊ะ" เมื่อตอนยิงออกมา  วิธีการทำก็เริ่มจากตัดไม้ไผ่กระบอกเล็กๆ ขนาดใหญ่กว่าหัวแม่มือเล็กน้อย ยาวประมาณ 1 ฟุต หรือประมาณ 1 ปล้องของมัน โดยเลือกขนาดรูตรงกลางให้ได้ประมาณเท่ากับด้ามปากกาหรือดินสอ ธรรมชาติของปล้องไผ่นี้ เส้นผ่านศูนย์กลางด้านต้น จะใหญ่กว่าด้านปลาย ทำให้เวลาใส่กระสุนเข้าไปด้านปลายจึงถูกอัดแน่นยิ่งขึ้น  สำหรับด้ามยิงกระทุ้ง ให้ใช้ไม้ที่เหลือผ่าซึกแล้วเหลาให้กลมกลึง และตัดให้สั้นกว่ากระบอกประมาณครึ่งข้อนิ้ว ( 1 เซนติเมตร) เพื่อไม่ให้ดันกระสุนด้านปลายออก และทำด้ามเสียบให้เหมาะมือ   หลักการทำงานของ "บั้งโผะ" นี้ จะใช้หลักการของการอัดอากาศ

อุปกรณ์การเล่น

                บั้งโป๊ะ   ทำจากไม่ไผ่กระบอกเล็กๆ ขนาดใหญ่กว่าหัวแม่มือเล็กน้อย ยาวประมาณ 1 ฟุต หรือประมาณ 1 ปล้อง

               กระสุน   มาจากหลายอย่าง บางที่ใช้ใบยูคาลิปตัส, ลูกยูคาลิปตัส, กระดาษชุบน้ำ, ลูกเม้า

วิธีการเล่น

                จะใช้กระดาษแช่น้ำเป็นกระสุน ลูกแรกที่อัดเข้าไปจะไปอยู่ด้านปลายของกระบอก ลูกที่สองที่อัดเข้าไปก็จะทำหน้าที่ในการดันให้ลูกแรกพุ่งออกไปตามความหนาแน่นของการอัดอากาศ  และมีการใช้ลูกเม้า ซึ่งมีลักษณะคล้ายลูกกาแฟเป็นลูกกระสุน ซึ่งอานุภาพการยิงจะรุนแรงมาก ถ้าถูกยิงจะช้ำเป็นรอยได้ แต่ถ้าไม่ต้องการความรุนแรงก็จะใช้กระดาษแช่น้ำเป็นลูกกระสุนแทนครับบบบ

                เป็นยังไงกันบ้างเอ่ยสำหรับของเล่นอีส๊านอีสานที่แสนสนุกของนัท  ที่ได้แนะนำท่านผู้ชมทุกท่านให้รู้จักถึงอุปกรณ์  วิธีการทำ และการละเล่นกันไปแล้ว สิ่งที่นัทอยากจะบอกท่านผู้ชมอีกว่า  บั้งโป๊ะไม่ได้เป็นเพียงของเล่นของเด็กอีสานที่สร้างความสนุกสนานเพลิดเพลิน ความรู้รักสามัคคีในกลุ่มเพื่อนเท่านั้น บั้งโป๊ะเมื่อเรามองดูผิวเผิน อาจจะเป็นของเล่นทั่วไปสำหรับเด็กผู้ชายบ้านนอก แต่ถ้าเรานำของเล่นชนิดนี้มาเป็นสื่อการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ นัทคิดว่าน่าจะมีประโยชน์ได้มาก เพราะเราสามารถโยงความรู้ไปยังเรื่องของความหนาแน่นของอากาศ การอัดอากาศ ความดันอากาศ เรื่องของมวล พื้นที่ อีกด้วยครับ ในวันนี้นัทก็พาท่านผู้ชมทุกท่านมารู้จักกับของเล่นอีสาน คือบั้งโป๊ะกันแล้ว  ในวันนี้ก็หมดหน้าที่ของนัทแล้ว  น้องนัทเด็กอีสานก็ขอกล่าวคำว่าสวัสดีครับบบบ





                                                                                                                                                                                                   อุไร  ลักขณา

วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ขนหญ้าแสนหรรษา

          “ทุกสิ่งในโลกล้วนมีคุณประโยชน์ในตัวของตนเอง  ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต  และสิ่งไม่มีชีวิต  หญ้าก็เหมือนกันน๊าๆๆๆ  แฮร่ๆๆ
          สวัสดีค่ะวันนี้ก็มาเจอะเจอกับนุ่นอีกแล้วนะคะท่านผู้อ่านทุกท่าน  ดินแดนสุวรรณภูมิแห่งนี้ยังคงมีประวัติ  อุ๊ปส์…..  สมองไปไกลละเรา  มื้อนี้น้องนุ่นกะสิบ่เว้าหยังมากความ  เอ้าหลุดๆ  วันนี้นะคะน้องนุ่นก็จะไม่สาธยายให้มากความน้องนุ่นจะพาทุกท่านมาเรียนรู้ถึงการล่ะเล่นที่ใครหลายๆคนอาจไม่รู้จักและไม่เคยเล่นมาเล่าให้ฟังค่ะ  การละเล่นนั้นก็คือ  หมากตีขนไก่  หรือตีไก่  นั้นเองค่ะ  แต่ว่าหมากตีขนไก่นี้คืออะไรน๊าๆๆๆ  อะไรคือขนไก่เราจะไปเอาขนไก่จากตัวของไก่มาตีกันได้อย่างไรล่ะ  มันเป็นการละเล่นแบบไหนน้องนุ่นท่าจะงงแล้วซิคะ  ท่านผู้อ่านก็คงจะงงและสงสัยเหมือนกันกับนุ่นใช่ไหมคะ  งั้นน้องนุ่นจะพาท่านผู้อ่านทุกท่านไปถามท่านผู้รู้กันค่ะ  ไปกันเลย…..
          นุ่น : นัทๆ  นัททำอะไรอยู่หรอ  นุ่นมีเรื่องอยากจะปรึกษาปู่ของนัทน่ะ
          นัท : มีเรื่องอะไรหรอนุ่น  ตอนนี้ปู่ของนัทอยู่หลังบ้านนะ
          นุ่น : อ้าว !  หรอ  แล้วปุ่ของนัทยุ่งอยู่หรือเปล่า
          นัท : ว่าแต่นุ่นมีเรื่องอะไรหรอ  นัทอยากรู้
          นุ่น : คือนุ่นอยากรู้เรื่องการละเล่นตีไก่น่ะ  มันเล่นอย่างไร  แล้วเอาขนไก่มาตีกันใช่ไหม  นี้แหละที่นุ่นงงมากเลยอยากถามปู่ของนัท
          นัท : นัทก็งงเหมือนกันจากที่นุ่นพูดให้นัทฟัง  งั้นเราไปถามปู่กันเถอะ
          นัท : ปู่ครับ  ปู่ครับ  ปู่ครับ  นัทกับนุ่นมีเรื่องอยากจะถามปู่หน่อยครับ  เกี่ยวกับการละเล่นหมากตีขนไก่ หรือ ตีไก่ ครับปู่  เราต้องไปจับไก่แล้วถอนขนของไก่นำมาตีกันหรอครับปู่
          ปู่ : ไม่ใช่อย่างที่หลานพูดมาหรอก  หลานไปได้ยินมาจากไหน  เดี๋ยวปู่จะเล่าให้หลานฟัง
          การละเล่นหมากตีขนไก่เป็นการละเล่นที่ปู่เล่นกันตั้งแต่เด็กๆ  ในสมัยที่ปู่เล่นจะนำหญ้ามาตีกัน  ไม่ใช่อย่างที่นัทพูดและไม่ได้หมายถึงไก่ชนที่ผู้ใหญ่ใช้ตีกันนะหลาน  ซึ่งหญ้าที่ปู่เรียกว่าขนไก่นั้นเป็นหญ้าแพรกที่มาจากข้อของต้นหญ้าที่แตกหน่อออกยอดของหญ้า ตอนเด็กๆปู่ จะชอบเก็บส่วนนั้นมาเล่นตีไก่ โดยให้มีด้ามจับพอประมาณแล้วใช้ไก่นั้นมาฟาดกัน หากไก่ของผู้ที่ถูกฟาดขาดจากกันเป็นผู้แพ้ ต้องเปลี่ยนไก่ตัวใหม่มาเล่นแทน โดยผลัดกันตีคนละครั้ง ไก่ที่ดีต้องมีก้านที่ใหญ่ เหนียว จึงจะสามารถสู้คู่แข่งได้  ซึ่งจะมีการเล่นและขั้นตอนการเล่นดังนี้
อุปกรณ์
          หญ้าแพรกหรือหญ้าที่เรียกว่าขนไก่  เพราะเกิดจากการแตกหน่อของหญ้านั้นเองค่ะ
จำนวนผู้เล่น

          จำนวนผู้เล่นตั้งแต่  2  คน  ขึ้นไป  แต่ส่วนมากจะนิยมเล่นกัน  2  คน  เท่านั้นถึงจะสนุก
วิธีการเล่น

          ขั้นตอนแรก  ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายจะต้องไปเก็บขนไก่  ( หญ้าแพรก )  ให้ได้มากที่สุด  ถ้าใครได้ขนไก่ที่ใหญ่มีก้านที่ใหญ่ เหนียวก็จะรู้สึกดีใจเป็นพิเศษ
          ขั้นตอนที่สอง  เมื่อผู้เล่นทั้งสองฝ่ายเก็บขนไก่ได้มากตามที่ตนต้องการก็จะเริ่มการเล่น  ก่อนที่จะเล่นทั้งสองฝ่ายจะต้องมาเป่ายิงชุบกันก่อนว่าใครเป็นผู้ชนะจะได้เล่นก่อน  หรือได้ตีฟาดกัน หากไก่ของผู้ที่ถูกฟาดขาดจากกันเป็นผู้แพ้ ต้องเปลี่ยนไก่ตัวใหม่มาเล่นแทน โดยผลัดกันตีคนละครั้ง
          ขั้นตอนที่สาม  ถ้าฝ่ายไหนแพ้  หรือขนไก่ของฝ่ายไหนหมดก่อนฝ่ายที่เหลือขนไก่ก็จะเป็นฝ่ายชนะ  ผู้แพ้อาจจะต้องทำตามผู้ชนะตามที่ได้ตกลงกันไว้ก็ได้
ประโยชน์

          ช้วยให้เด็กรู้แพ้  รู้ชนะ  รู้อภัย  ซึ่งกันและกัน
          รู้จักกฎเกณฑ์  เคารพกฎเกณฑ์ในการเล่น
          เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินในการละเล่น
          หญ้าที่เราเล่นสามารถนำมาให้วัวได้
          นุ่น : นัทสิ่งที่เราคิดว่าต้องไปเอาขนไก่จากไก่จริงๆ  มาตีกันมันไม่ใช่แล้วซิ
          นัท : ใช่แล้วนุ่น  มันเป็นหญ้าแพรกที่เกิดการแตกหน่อเหมือนหงอนไก่หรือหัวของไก่แค่นั้นเอง  คนแก่ถึงเรียกว่า  ขนไก่
          นุ่น : ใช่เลย!  งั้นนุ่นกลับไปทำหน้าที่ของนุ่นก่อนดีกว่า
          ว๊าวๆๆๆๆ  อัศจรรย์จริงๆเลยกับของเล่นที่น่าทึ่งเป็นหญ้าที่มีประโยชน์จริงๆ  สวัสดีค่ะนนุ่นกลับมาแล้วค่ะ  เป็นยังไงกันบ้างคะท่านผู้อ่านทุกท่านรู้สึกถึงความอัศจรรย์ของการละเล่นเด็กอีสานกันหรือยังคะ  เพียงหญ้าก็สามารถเป็นการละเล่นที่แสนวิเศษ  ทำให้เด็กเกิดความสนุกสนาน  และได้รู้จักถึงประเพณีวัฒนธรรมการละเล่นที่มีมายาวนานตั้งแต่สมัยโบราณ  จนเป็นที่รู้จักมากมาย  และเกิดการละเล่นขึ้นในชุมชนหรือจังหวัดมากมาย

การกระโดดทำให้ร่างกายแข็งแรง


               สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่นจากที่เรารู้ลึกถึงการละเล่นที่เราเรียกว่า  ดีดในอีขามลงหลุมหรือดีดเมล็ดมะขามลงหลุมจากนัทเพื่อนของนุ่นเด็กดีน่ารักแสนสวยอย่างนุ่นกันแล้วนะคะ  ว่าแต่ว่าเด็กอีสานมีการละเล่นที่เก่าแก่หรือโบราณอะไรกันบ้างน๊าาาา   
          ต่อจากนี้น้องนุ่นก็จะพาท่าผู้อ่านทุกท่านมารู้จักกับการละเล่นประเภทของยางกันบ้างค่ะว่าคนอีสานมีการละเล่นอะไรกันบ้างน๊าาาา ประเภทที่น้องนุ่นจะพามารู้จักและวิธีการทำมีดังนี้ค่ะ กระโดดยาง  กับ  เป่ากบค่ะ  แต่ก่อนอื่นน้องนุ่นของบอกท่านผู้อ่านทุกท่านไว้ว่าการเล่นเต้นโดดยาง หรือ กระโดดยาง  จะนิยมเล่นกันตอนพักเที่ยง  หรือ  หลังเลิกเรียน  การละเล่นกระโดดยางเป็นเกมส์โปรดของเด็กผู้หญิงเลยทีเดียว  อาจจะมีเด็กผู้ชายไปแจมบ้าง   การละเล่นนี้นุ่นขอแนะนำเองค้าาาา  เพราะ  นุ่น  แนน  นัท  และนนท์  ชอบเล่นกันเป็นประจำเลยค่ะ  งั้นเรามารู้จักกับอุปกรณ์การเล่น  จำนวนผู้เล่น  และวิธีการเล่นกันเลยค้าาาา
อุปกรณ์การเล่น
          หนังยาง   นำมาร้อยต่อกันเป็นเชือก  ความยาว  2-3  เมตร
จำนวนผู้เล่น
          จำนวนผู้เล่นตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป  สามารถเล่นได้
วิธีการเล่น
          ใช้หนังยางร้อยต่อเนื่องกันคล่ายๆ โซ่ ให้ยาวพอสมควร ประมาณ 2-3 เมตร จากนั้นให้ผู้เล่น 2 คน จับปลายยางคนละข้าง ยืนให้ห่างกันมาพอควร (หนังยางตึงพอสมควร) เริ่มต้นให้ถือยางสองคน เริ่มจากระดับต่ำจนถึงสูง (เช่น ตั้งแต่ หัวเข่า, เอว, อก, ไหล่, ใบหู จนกระทั่งความสูงถึงศีรษะ หรือบ้างครั้งให้ยืนสุดแขนของผู้ถือหนังยาง ผู้เล่นอีกคนต้องกระโดยห้ามหนังยางไปให้ได้ ถ้าไม่ผ่านถือว่าแพ้ ต้องเป็นคนที่ถือหนังยางแทน
          เป็นยังไงกันบ้างค่ะรู้จักการละเล่นกระโดดอย่างกันแล้ว  วันนี้น้องนุ่นก็จะพาคุณผู้อ่านทุกท่านมารู้จักกับการละเล่นประเภทของยางอีกอย่างหนึ่งนั้นก็คือ  เป่ากบ  ก่อนที่เราจะไปรู้จักกับอุปกรณ์การเล่น  จำนวนผู้เล่น  และวิธีการเล่นกัน  น้องนัทอยากจะบอกกับท่านผู้อ่านว่าเป่ากบเป็นการละเล่นที่นิยมเล่นสำหรับผู้ชายแต่ก็มีผู้หญิงเล่นบ้าง  จะเล่นกันเฉพาะพื้นที่เรียบ  และต้องใช้ลมเป่าในการเป่ายางให้ไปกบยางของเพื่อน  งั้นเรามารู้จักการละเล่นเป่ากบกันเลยค่ะ
อุปกรณ์
          ยาง   นิยมเส้นบางๆเพื่อที่จะได้ไม่ใช้ลมในการเป่าแรง
จำนวนผู้เล่น
          จำนวนผู้เล่นตั้งแต่  2  คน  ขึ้นไป
วิธีการเล่น
          ผู้เล่นจะต้องเป่ายิ่งฉุบกัน ผู้ชนะจะได้เป่ากบก่อน ผลัดกันเป่าคนละครั้ง ฝ่ายใดสามารถเป่ายางวงของตน ให้กระโดดไปทับบนยางวงของฝ่ายตางข้ามได้ก่อนจะถือเป็นผู้ชนะ และจะได้รับยางวงเส้นนั้นๆ ไป
          ก่อนที่เราจะไปรู้จักกับการละเล่นอีสานประเภทอื่นกันเรามารู้จักประโยชน์ของการละเล่นกระโดดยาง  และ  การละเล่นเป่ากบกันค่ะ  
          การละเล่นกระโดดยาง  และ  การละเล่นเป่ากบฝึกให้เด็กๆมีความสามัคคีในการทำงานเป็นทีม ในการที่ต้องร่วมแรงร่วมใจในการพยายามช่วยให้เพื่อนในกลุ่มหลุดพ้นจากการเป็นเชลย  ฝึกให้รู้จักคิด วางแผนและแก้ปัญหา   เป็นการออกกำลังกายโดยตรง เพราะขณะที่เล่นนั้นเด็กได้เคลื่อนไหวทุกส่วน และช่วยให้ปอดแข็งแรง เพราะในขณะที่เป็นคนตี่นั้น ต้องกลั้นหายใจร้องตี่อยู่ตลอดเวลา   เด็กได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลิน อารมณ์ดี จิตใจเบิกบาน  ฝึกความสัมพันธ์อันดีกับผู้อื่น เพราะเป็นกิจกรรมที่เล่นคนเดียวไม่ได้
          การเล่นถือเป็นกิจกรรมตามธรรมชาติของเด็กๆ ที่ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดความสนุกสนานหรือทำให้อารมณ์เบิกบานเท่านั้น แต่การเล่นมีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ในด้านต่างๆอย่างมากมาย ดังนั้น การเล่นจึงมีส่วนสำคัญในการพัฒนาศักยภาพทางด้านสติปัญญาของเด็ก ด้วย